คุณมองมันอยู่ตลอดเวลา เมื่อคุณไม่มีมันใกล้ๆตัวคุณจะรู้สึกกังวลและคุณต้องได้มันมา
นี่คือทั้งหมดที่คุณคิด ใช่แล้ว…เรากำลังพูดถึงสมาร์ทโฟนของคุณ ความหลงใหลต่อแกดเจ็ตมือถือกลายเป็นตำนานไปแล้ว ทุกวันนี้คนหนึ่งในห้าคนทั่วโลกเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน และนี่คือโรคใหม่ที่เริ่มเกิดขึ้นในหมู่คนติดสมาร์ทโฟน
1.Text Claw และ Smartphone Elbow
Text Claw ไม่ใช่ศัพท์ทางการแพทย์แต่ใช้อธิบายถึงอาการเกร็งข้อนิ้วและเจ็บกล้ามเนื้อจากการพิมพ์ข้อความอย่างต่อเนื่องรวมถึงการเล่นเกมจากสมาร์ทโฟนมากเกินไป อาการนี้อาจทำให้เกิดเอ็นอักเสบได้ เช่นเดียวกับอาการ Smartphone Elbow ใช้อธิบายอาการรู้สึกเสียบแปลบหรือชาตามนิ้วก้อยจนถึงข้อศกเป็นระยะเวลานาน
หากคุณใช้สมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่องจนรู้สึกเจ็บหรือเมื่อยล้า ลองยืดเหยียดกล้ามเนื้อโดยวางโทรศัพท์ลง เหยียดเอวไปด้านหลังประกบฝ่ามือเข้าด้วยกันแล้วก้มหน้าลง จากนั้นคลายกล้ามเนื้อข้อมือ หากอาการเจ็บมีขึ้นเป็นระยะเวลากว่าสัปดาห์แล้ว ไปพบแพทย์จะดีที่สุด
2.iPosture and Text Neck
ก้มหน้ามองมือถือเป็นช่วงเวลาที่ทำร้ายกล้ามเนื้อคอและหลัง “iPosture” หรือ “Text Neck” เป็นเพียงวลีของแพทย์ที่ใช้อธิบายความตึงเครียดที่กล้ามเนื้อคอ จากการศึกษาในคนหนุ่มสาวในสหราชอาณาจักร พบ 84% ของผู้ที่มีอาการปวดหลังในช่วงปีที่ผ่านมาเนื่องจากการก้มโค้งมากกว่าปกติเพราะสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์
การแก้ไขท่าทางของคุณสามารถบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่างและการจำกัดการใช้โทรศัพท์สามารถบรรเทาความตึงเครียดของกล้ามเนื้อคอ พยายามมองโทรศัพท์ตรงๆในด้านหน้า หลีกเลี่ยงที่จะมองก้มต่ำ
3.คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม
การจ้องมองที่ตัวอักษรเล็กๆในข้อความและการเลื่อนผ่านงทวิตเตอร์หลายสิบอันสามารถนำไปสู่การปวดตา ตาพร่าวิงเวียนศีรษะ และตาแห้ง รวมถึงมองเห็นภาพซ้อน ปวดกล้ามเนื้อคอและยังสามารถทำให้เกิดอาการปวดหัวได้อีกด้วย
หากคุณรู้สึกไม่สบายตา ลองทำให้ขนาดตัวอักษรของโทรศัพท์ใหญ่ขึ้น มาร์ค โรเซ่นฟิลด์ OD, Ph.D. , บอกว่าผู้ใช้โทรศัพท์ควรพยายามที่จะถือโทรศัพท์ของพวกเขาห่างจากใบหน้าอย่างน้อย 16 นิ้ว และพักสายตาโดยการมองไกลๆจากหน้าจอเป็นช่วงสั้นและต้องอล่าลืมกระพริบตาด้วย
4.Nomophobia
Nomophobia หรือก็คือ “ความหวาดกลัวเมื่อไม่มีโทรศัพท์มือถือ” จากการศึกษาคน 1,000 คนในสหราชอาณาจักร 66% ของประชากรกลัวการสูญเสียหรือต้องห่างจากโทรศัพท์ของพวกเขาไม่ว่าเวลาใดก็ตาม บางส่วนของอาการของ nomophobia รวมถึงอาการทางกายภาพ ความวิตกกังวล หรือความคิดเชิงลบหากคุณไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือของคุณได้ หมกมุ่นอยู่กับการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีโทรศัพท์อยู่กับตัวตลอดเวลา และกังวลเกี่ยวกับการทำมันหาย ที่น่าสนใจคือจากการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการนี้มากกว่าผู้ชาย
จากผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากต้องการบรรเทาอาการนี้ ใช้เทคนิคผ่อนคลายความกังวลทั่วไปเช่น โยคะ และการหายใจเข้าออกลึกๆ
5.Phantom Pocket Vibration Syndrome
ไม่! คุณไม่ได้รับข้อความใหม่หรอก อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยอินเดียนาพบว่า 89% ของนักศึกษาระดับปริญญาตรีในชั้นเรียนของเธอ หลอนว่าโทรศัพท์ของพวกเขาสั่นแม้ว่าที่จริงมันไม่ได้สั่นก็ตาม การศึกษายังพบว่านักเรียนที่มีอาการหลอนขึ้นอยู่กับการติดการได้รับข้อความและการแจ้งเตือนโซเชียลมีเดีย มักจะกังวลมากขึ้นเมื่อโทรศัพท์ของพวกเขาไม่ได้สั่นจริงๆ
วิธีที่ดีที่จะตรวจสอบว่าคุณเกิดอาการเสพติดนี้หรือไม่ ลองปิดฟังก์ชั่นการสั่นสะเทือนและมุ่งมั่นที่จะการตรวจสอบโทรศัพท์ของคุณในช่วงเวลาที่กำหนด หรือไม่ก็ลองนำโทรศัพท์ไปใส่ไว้ในกระเป๋าถือของคุณแทน และพยายามที่จะต่อต้านอาการอยากตรวจสอบกระเป๋าของคุณทุกห้านาที
มิฉะนั้นคุณอาจจะกลายเป็น Phantom Pocket Vibration Syndrome ได้
ขอขอบคุณที่มา http://www.healthydeejung.com/
และภาะปลากรอบจาก อินเตอร์เน็ต