เมื่อคุณแม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องมั่นดูแลตัวเอง และสังเกตความผิดปกติ รวมถึงระบบขับถ่ายของตนเองด้วย ว่ามีอาการขับง่ายถ่ายง่ายเกินไป อาการถ่ายบ่อย ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นมูก ถ่ายเป็นเลือดบ้างหรือไม่ 

1472984340

คนท้องกินเกลือแร่ได้ไหม
- ได้แน่นอน
เกลือแร่ที่คนท้องกินได้เป็นชนิดใด
- เกลือแร่ ORS (Oral Rehydration Salt) ไม่ควรดื่มเกลือแร่ที่ใช้สำหรับผู้ที่เสียเหงื่อจากการเล่นกีฬา ORT (Oral Rehydration Therapy)

อาการท้องเสีย กับคุณแม่ตั้งครรภ์
เมื่อคุณแม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องมั่นดูแลตัวเอง และสังเกตความผิดปกติ รวมถึงระบบขับถ่ายของตนเองด้วย ว่ามีอาการขับง่ายถ่ายง่ายเกินไป อาการถ่ายบ่อย ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นมูก ถ่ายเป็นเลือดบ้างหรือไม่ แม้จะดูเป็นแค่อาการท้องเสียธรรมดา แต่ลูกน้อยในครรภ์ของคุณแม่อาจได้รับผลกระทบจากการท้องเสียได้
ให้คุณแม่สังเกตุว่า 1 วัน คุณแม่ถ่ายกี่ครั้ง หากมากกว่า 3 ครั้ง ถือว่ามีอาการผิดปกติแล้ว ยิ่งหากมีอาการถ่ายเหลวด้วย แสดงว่าร่างกายผิดปกติแล้ว อีกอย่างให้สังเกตดูว่าถ่ายเหลวหรือเปล่า ถ้าใช่ให้รีบโทรปรึกษาแพทย์หรือโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ เพื่อการวินิจฉัยเพราะอาจจะไม่ใช่ท้องเสียธรรมดา อาจมีการติดเชื้อรุนแรงในลำไส้ก็เป็นได้


การดื่มเกลือแร่ทดแทนถือเป็นเรื่องสำคัญยามท้องเสีย
หากคุณแม่ท้องเสียจะส่งผลถึงลูกน้อยในครรภ์ด้วย เมื่อเกิดอาการท้องเสีย ลำไส้จะบีบตัวส่งเสียงดังโครกคราก ลูกน้อยซึ่งอยู่ในมดลูกคงรู้สึกเหมือนมีฟ้าร้อง เสียงดังน่ารําคาญอยู่รอบตัวไปหมด ทำให้ลูกน้องในครรภ์ไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควร
และเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ท้องเสียร่างกายของคุณแม่ก็เสียน้ำ และเสียเกลือแร่ในร่างกาย โดยจะมีผลต่อทารกในครรภ์แน่นอน เพราะลูกน้อยก็จะขาดตามไปด้วย ซึ่งสิ่งที่จะช่วยลูกน้อยในครรภ์ที่ดีที่สุดคือ คุณแม่ต้องทานเกลือแร่มาทดแทน ถ่ายมากเท่าไหร่ ให้ทานเกลือแร่ตามให้มากเท่านั้น ผงเกลือแร่ เป็นอีกหนึ่งยาสามัญที่สามารถใช้เพื่อทดแทนการสูญเสียเกลือแร่ แต่ยาชนิดนี้ไม่ได้ส่งผลต่อสาเหตุโดยตรงของโรคท้องเสีย ถ้าคุณแม่ได้น้ำเกลือแร่แล้วยังไม่มีอาการดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์
แต่ข้อห้ามที่สำคัญที่สุด คือคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรซื้อยาฆ่าเชื้อมารับประทานเองโดยเด็ดขาด

อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กับคือหลังขับถ่าย คุณแม่ต้องรักษาความสะอาดบริเวณทวารหนักให้ดี เพราะสิ่งสกปรกจากอุจจาระนั้น อาจจะทำให้ปากช่องคลอดซึ่งอยู่บริเวณใกล้ๆ กันติดเชื้อได้ ซึ่งจะส่งผลถึงทารกในครรภ์ได้

ยังไงขอให่ว่าที่คุณแม่ทุกท่านมั่งสังเกตุความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างการตัวเองด้วยนะครับ
ขอขอบคุณบทความจาก : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=babylovely&month=04-09-2016&group=1&gblog=278

Go to top