7 พฤติกรรมพ่อแม่ที่ทำให้ลูกไม่ประสบความสำเร็จ

7 พฤติกรรมพ่อแม่ที่ทำให้ลูกไม่ประสบความสำเร็จ

1. ไม่ปล่อยให้เด็กได้มีประสบการณ์การ ‘เสี่ยง’
เพราะเราอาศัยอยู่ในโลกที่เกิดอันตรายได้ทุกขณะ ความกลัวที่จะสูญเสียลูกๆ จึงทำให้เราฝังใจกับคำว่า ‘ปลอดภัยไว้ก่อน’ และป้องกันพวกเขาจากพฤติกรรมการเสี่ยงทุกชนิด นักจิตวิทยาหลายคนในยุโรปพบว่า ถ้าเด็กๆ ไม่ได้ออกไปเล่นนอกบ้าน ไม่เคยล้มเข่าถลอก เขามักจะมีความกลัวติดไปจนถึงตอนเป็นผู้ใหญ่ เด็กๆ ต้องเคยหกล้มบ้างเพื่อที่จะได้เรียนรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติ พอโตขึ้นเป็นวัยรุ่นก็ต้องเคยอกหักเพื่อให้มีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้นซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์อันยาวนาน ถ้าเด็กไม่ได้เสี่ยงซะเลย เขาจะเติบโตมาเป็นคนที่มีความเย่อหยิ่งสูงและมีความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำ
2. ช่วยเหลือพวกเขาเร็วเกินไป
เด็กๆ ทุกวันนี้ไม่ได้พัฒนาทักษะการดำรงชีวิตมากเท่ากับเด็กๆ เมื่อ 30 ปีก่อนเพราะผู้ใหญ่เข้าไปจัดการปัญหาให้ทุกอย่าง การให้ความช่วยเหลือที่เร็วเกินไปหรือมากเกินไปทำให้เด็กไม่อยากที่จะค้นหาวิธีจัดการปัญหาด้วยตนเอง และกลายเป็นสิ่งเคยชินว่าถ้าเขาผิดหวังหรือทำไม่ได้อย่างที่หวังไว้ก็จะมีผู้ใหญ่มาคอยแก้ไขให้ ซึ่งในโลกของความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
3. ชมเชยง่ายเกินไป
การชมเชยให้เด็กๆ ดีใจและรู้สึกพิเศษเป็นสิ่งดี แต่จากการวิจัยพบว่าการชมเชยมากเกินจริงนั้นมีผลเสียแอบแฝงอยู่ เพราะสุดท้ายเด็กก็จะรู้ว่ามีแต่พ่อและแม่ของเขาเท่านั้นที่พูดว่าเขาเก่งในขณะที่ไม่มีใครคนอื่นพูดเลย จากนั้นเขาก็จะเริ่มหาเหตุผลที่พ่อแม่ชมเขาแบบนั้น การชมเชยมากเกินไปและมองข้ามพฤติกรรมแย่ๆ ของเด็กจะทำให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะหลอกลวง พูดเกินจริง และโกหก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ
4. รู้สึกผิดต่อพวกเขา
ลูกของคุณไม่ต้องรักคุณตลอดเวลาหรอก พวกเขาผ่านพ้นความไม่พอใจได้แต่ไม่สามารถก้าวข้ามผลจากการถูกตามใจ ดังนั้นคุณต้องรู้จักบอกว่า ‘ไม่’ หรือ ‘ไม่ใช่ตอนนี้’ และปล่อยให้เขารู้จักต่อสู้เพื่อสิ่งที่มีค่าหรือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ พ่อแม่มักพยายามให้รางวัลกับเด็กๆ ยิ่งถ้ามีเด็กหลายคน พ่อแม่จะรู้สึกไม่ยุติธรรมถ้าจะให้รางวัลกับเด็กที่ทำดีเพียงคนเดียว ซึ่งถ้าเราให้รางวัลเด็กทุกคนเท่ากันทั้งที่ทำและไม่ทำดี พวกเขาจะไม่รู้จักเรียนรู้ว่าความสำเร็จนั้นเป็นเรื่องของใครของมัน ขึ้นอยู่การกระทำของแต่ละคน ที่สำคัญต้องระวังอย่าใช้สิ่งของเป็นตัวล่อให้เรียนเก่ง ถ้าความสัมพันธ์ของคุณกับลูกขึ้นอยู่กับสิ่งของ เด็กจะไม่ได้สัมผัสกับแรงบันดาลใจจากภายในและความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
5. ไม่เคยเล่าถึงความผิดพลาดของตัวเองในอดีตให้ลูกฟัง
เมื่อเด็กๆ เติบโตขึ้น เขาย่อมต้องอยากทดลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเขาเอง เราต้องปล่อยให้เขาทำ แต่ก็สามารถชี้แนะได้ด้วยการเล่าถึงข้อผิดพลาดที่คุณเคยเจอเมื่ออายุเท่าพวกเขา เพื่อช่วยให้เขาตัดสินใจได้ถูกต้อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องหลีกเลี่ยงบทเรียนจากความผิดพลาดที่เป็นเรื่องในแง่ลบ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาเสพติด เป็นต้น เราไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่มีอิทธิพลต่อลูก แต่เราต้องเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลที่ดีที่สุดให้กับลูก
6. เข้าใจผิดว่าความฉลาด พรสวรรค์ และการมีอิทธิพล คือภาวะความเป็นผู้ใหญ่
เพราะความฉลาดมักถูกใช้เป็นบรรทัดฐานของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเด็กๆ ดังนั้นพ่อแม่หลายคนจึงเข้าใจว่าเด็กฉลาดมีความพร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกแล้ว ดูอย่างนักกีฬาอาชีพเก่งๆ หรือดาราดังๆ หลายคนที่ถูกจับในเหตุการณ์อื้อฉาวมีตั้งเยอะ นั่นก็เพราะพรสวรรค์เป็นเพียงช่วงมุมหนึ่งของชีวิตเด็ก แต่ไม่ใช่ทั้งชีวิต มันไม่มีกำหนดว่าอายุเท่าไหร่จึงจะมีความรับผิดชอบ หรือคู่มือที่จะบอกว่าเมื่อไหร่เด็กๆ จะมีอิสระทำอะไรได้ด้วยตัวเอง วิธีง่ายๆ ที่จะดูว่าลูกของคุณโตหรือยังก็คือ สังเกตเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน ถ้าเด็กคนอื่นทำอะไรด้วยตัวเองได้มากกว่าลูกของคุณ ก็อาจหมายความว่าคุณเองที่กำลังหยุดยั้งลูกของคุณจากการเติบโตเป็นผู้ใหญ่
7. ไม่ทำในสิ่งที่ตัวเองพร่ำสอน
ในฐานะผู้ปกครอง เราต้องเป็นต้นแบบการใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการให้กับเด็กๆ เป็น เราสามารถเริ่มได้ง่ายๆ ด้วยการพูดอย่างซื่อสัตย์ ถึงจะเป็นการโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ก็ไม่ควรพูด แล้วก็ลองมองตัวเองในมุมที่คนอื่นเห็น เพราะลูกของคุณก็จะเห็นแบบนั้นเช่นกัน
* ข้อมูลจาก brightside.me

จากผลการวิจัยของ ดร. ทิม เอลมอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นผู้นำและผู้เขียนหนังสือจิตวิทยาที่ขายดีที่สุดหลายเล่ม เขาพบข้อผิดพลาดบางอย่างของพ่อแม่ที่เกิดขึ้นระหว่างการเลี้ยงดูลูก ซึ่งข้อผิดพลาดเหล่านี้ทำให้เด็กขาดความมั่นใจในตัวเองตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งจะลดโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว

 

 

 

 

 

ขอขอบคุณบทความจาก : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=buachadid&month=12-02-2017&group=1&gblog=2

Go to top