ทิวทัศน์ภูทับเบิกแห่งกรีนซีซั่นวันฟ้าปกคลุมด้วยม่านเมฆหมอก
 วสันต์ฤดู
 
       ยามเมื่อฝนโปรยสาย
 
       ท้องฟ้าชุ่มฉ่ำ ผืนดินชุ่มน้ำ ขุนเขาป่าไพรพลิกฟื้นคืนชีวิตกลับมาเขียวขจี น้ำตกที่สายน้ำเบาบางเหือดแห้งกลับมาหลั่งไหลเป็นสายฟูฟ่องโจนทะยาน มวลหมู่ดอกไม้พรรณไม้หลากหลายชนิดที่หลับใหลต่างตื่นฟื้น พากันออกดอกผลิใบ กลับมาสร้างสีสันความงามเคียงคู่ฤดูฝนอันเขียวชอุ่มชุ่มชื่น
 
       นี่ถือเป็น“กรีนซีซั่น”(Green Season) หรือ“ฤดูแห่งความเขียวขจี”ทางการท่องเที่ยว ที่ในหลายๆพื้นที่ของบ้านเราต่างก็เปล่งมนต์เสน่ห์อันโดดเด่น เชื้อเชิญให้เราออกท่องเที่ยวไปอย่างรื่นรมย์บนความเขียวขจีแห่งวสันต์ฤดู 
 
จุดชมวิวไททานิกแห่งภูหินร่องกล้า 
 
 
Green Season วันธรรมดา หรรษาคูณสอง
 
       สำหรับหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวอันโดดเด่นแห่งกรีนซีซั่นนั้นก็คือ เส้นทาง“เขาสูง-วิวสวย”บนทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-เพชรบูรณ์(หรือเพชรบูรณ์-พิษณุโลก) ที่ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางสายโรแมนติกของเมืองไทย
 
       เส้นทางหมายเลข 12 ประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆงามๆมากมายทั้งบนถนนสายหลักและถนนสายรอง โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาตินั้นขึ้นชื่อโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง
 
       นอกจากนี้ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงที่น่าสนใจในจังหวัดพิษณุโลก-เพชรบูรณ์ ให้เลือกเที่ยวชมกันอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งล่าสุด ทาง“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานพิษณุโลก” ได้จับมือกับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวพิษณุโลก และชมรมธุรกิจท่องเที่ยวเขาค้อ จัดโครงการ “Green Season วันธรรมดา หรรษาคูณสอง”ขึ้น เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้ที่ท่องเที่ยวพิษณุโลก-เพชรบูรณ์ ในวันธรรมดาของช่วงกรีนซีซั่น ระหว่างวันที่ 1 มิ.ย. - 30 ก.ย. 58 ได้รับส่วนลดพิเศษจากที่พัก ร้านอาหาร กิจกรรมท่องเที่ยว ร้านของฝากของที่ระลึก (ที่เข้าร่วมโครงการ) โดยได้รับส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 80% เลยทีเดียว 
 
หมอกฝนลอยปกคลุมท้องทุ่งกะหล่ำแห่งภูทับเบิก
 
 
เรียนรู้วิถีเกษตร-วิถีไทย ที่“ไร่กำนันจุล-ไร่กาแฟจ่านรินทร์” 
 
“เขาค้อ-ภูทับเบิก-ภูหินร่องกล้า” คือ 3 แหล่งท่องเที่ยวเขาสูง-วิวสวยหลักๆของ “ตะลอนเที่ยว”ในทริปนี้ ที่ในเส้นทางนอกจากจะมากไปด้วยที่พัก ร้านอาหาร และร้านกาแฟเก๋ๆอินเทรนด์แล้ว ในช่วงหน้าฝนอย่างนี้ยังมีบรรยากาศอันสุดฟินเย็นสบาย ซึ่งทริปนี้เราเลือกใช้เส้นทางท่องเที่ยวจากเพชรบูรณ์สู่พิษณุโลกเชื่อมโยงไปกับเส้นทางหมายเลข 12 โดยเริ่มตั้งต้นสตาร์ทกันที่ “ไร่กำนันจุล” เพื่อเรียนรู้ในวิถีการเกษตรที่เป็นอีกหนึ่งในวิถีไทยที่อยู่คู่กับเรามาช้านาน 
 
อุโมงค์ต้นไผ่ ไร่กำนันจุล
 
 
ไร่กำนันจุล ตั้งอยู่ที่ ต.วังชมพู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ก่อตั้งโดย“กำนันจุล คุ้นวงศ์” ที่เข้ามาบุกเบิกทำไร่ส้มในพื้นที่เพชรบูรณ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479 และประสบความสำเร็จด้วยดี ปัจจุบันไร่กำนันจุลทำการเกษตรแบบผสมผสานบนพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ มีการบริหารจัดการพื้นที่อย่างเป็นระบบ ภายในมีการปลูกหม่อน(มัลเบอร์รี่) เลี้ยงไหม ผลิตเส้นใยไหมส่งขายเป็นเจ้าใหญ่ที่สุดของเมืองไทย
 
       ในไร่กำนันจุลยังมีการปลูกผลไม้อีกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น สละ ส้ม กล้วย มะขาม มะเฟือง และแปลงทดลองปลุกองุ่นไร้เมล็ด เป็นต้น รวมถึงมีการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเลี้ยงปลา ปลาส่วนหนึ่งจับส่งขาย ส่วนหนึ่งนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ปลาแบรนด์กำนันจุลที่มี “ปลาส้มกำนันจุล”อันโด่งดัง สามารถซื้อหากันได้ที่ร้านไร่กำนันจุล ที่มีผลิตภัณฑ์มากมายให้เลือกสรรซื้อติดไม้ติดมือกลับไป อีกทั้งยังมีร้านอาหาร-เครื่องดื่มไว้บริการอีกด้วย 
 
ไร่กำนันจุลมีรถรางบริการนำเที่ยวชมไร่ แปลงปลูกผลไม้อันหลากหลาย
 
 
 ส่วนอีกหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของไร่กำนันจุลก็คือ การเปิดพื้นที่ไร่บางส่วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ทางการเกษตร มีรถรางนำเที่ยว พาชมไร่ แปลงผลไม้ ทำกิจกรรมที่ทางไร่จัดไว้ให้ และฟังเรื่องราววิธีคิดของกำนันจุลที่สามารถก่อร่างสร้างไร่กำนันจุลแห่งนี้จนประสบความสำเร็จ พร้อมกับเป็นแหล่งสร้างงานให้คนในท้องถิ่นนับหมื่นชีวิต
 
       จากไร่กำนันจุลแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรขนาดใหญ่ เราเปลี่ยนไปสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรขนาดเล็กกันที่ “ไร่กาแฟจ่านรินทร์” ที่ทำกันแบบครอบครัว ไม่กี่คนแต่ว่ากลับประสบความสำเร็จไม่น้อย 
 
ร้านกาแฟจ่านรินทร์
 
 
 
        ไร่กาแฟจ่านรินทร์ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 3 ต.ริมสีม่วง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ก่อตั้งโดย ด.ต.นรินทร์ ศรีมรกตมงคล(ยศปัจจุบัน)แห่ง สภ.เขาค้อ ด.ต.นรินทร์ หรือที่หลายๆคนเรียกเขาว่า “จ่านรินทร์” 
 
       จ่านรินทร์ หนุ่มตำรวจชาวกรุงผู้ชื่นชอบในวิถีชนบทให้ข้อมูลกับ“ตะลอนเที่ยว”ว่า เมื่อย้ายมารับราชการที่ สภ.เขาค้อ ในปี 2552 เขาใช้เวลาว่างจากงานราชการ มาเป็นเกษตรกรมือใหม่เริ่มต้นจากศูนย์ทำทุกอย่างบนที่ดินแปลงเล็กๆในสวนหลังบ้านประมาณ 2 ไร่ เรียนรู้ลองผิด-ลองถูก ที่มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว
 
       ช่วงแรกๆ จ่านรินทร์เน้นการปลูกกล้วยหลากหลายชนิดก่อน เพราะกล้วยเป็นไม้ที่ปลูกง่าย ให้ผลผลิตตลอดทั้งปีและทำให้ดินชุ่มชื้น อีกทั้งยังเป็นร่มเงาอย่างดีให้กับต้น“กาแฟ”พันธุ์อาราบิก้า(ไม้ที่ชอบอยู่ใต้ร่มเงา)ที่เขาปลูกแซมลงไปในสวนหลังบ้าน
 
       อย่างไรก็ดีในปี 2554 เมื่อกาแฟเริ่มให้ผลผลิต แต่จ่านรินทร์ประสบกับปัญหาไม่มีตลาดรองรับ เขาจึงคิดพิจารณาหาแนวทางพัฒนาแปรรูปกาแฟของตัวเองเป็นเมล็ดกาแฟคั่วและคั่วบดส่งขาย พร้อมๆกับการเรียนรู้ในวิชากาแฟต่างๆมากมายจนประสบความสำเร็จดังในปัจจุบัน 
 
มะไฟลูกดกเต็มต้นในไร่สวนผสมของจ่านรินทร์
 
 
วันนี้จ่านรินทร์นอกจากจะมีร้านกาแฟเล็กๆที่บ้านของตัวเองแล้ว ยังได้ขยายพื้นที่ไร่สวนผสมของเขาเป็น 12 ไร่ เพื่อรองรับตลาดกาแฟที่เติบโต
 
       ขณะที่สวนหลังบ้านประมาณ 2 ไร่นั้น ปัจจุบันนอกจากกล้วยและกาแฟแล้วก็ยังมี ผลไม้อื่นๆ อาทิ อะโวคาโด้,ลิ้นจี่,มะคาเดเมีย,พลับ,มะไฟ ฯลฯ พร้อมกับเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ดูงาน ที่มีคนมานั่งดื่มกาแฟ ศึกษา ดูงาน ชมสวนหลังบ้าน พบปะพูดคุยกับจ่านรินทร์อยู่อย่างต่อเนื่อง
 
       นับได้ว่าทั้งไร่กำนันจุลและไร่กาแฟจ่านรินทร์ที่แม้จะมีขนาดแตกต่างกันมาก แต่ไร่ทั้งคู่ต่างก็มีแนวทาง วิธีการ ที่เป็นต้นแบบให้กับเกษตรกรอื่นๆนำไปปฏิบัติปรับใช้กับพื้นที่เพราะปลูกของตน ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วๆไปนั้นก็สามารถนำแนวคิดจากการเที่ยวชมไร่กำนันจุลและไร่กาแฟจ่านรินทร์ไปต่อยอดประยุกต์ใช้กับวิถีปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้เช่นกัน 
 
ทิวทัศน์วัดผาซ่อนแก้ว เมื่อมองจากจุดชมวิวแห่งใหม่บริเวณร้านกาแฟ พิโน ลาเต้
 
 
เขาค้อ : พัก 1 คืน อายุยืน 1 ปี 
 
“นอนเขาค้อ 1 คืน อายุยืน 1 ปี” 
 
       สโลแกนท่องเที่ยวสุดเก๋ของ “เขาค้อ” แห่ง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากเต็มใจยกให้ เพราะเขาค้อเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถช่วยเติมพลังชาร์จแบตชีวิตได้เป็นอย่างดี
 
       เขาค้อเป็นดินแดนแห่งเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน มีอากาศดี เย็นสบายตลอดทั้งปี และหนาวเย็นจัดในช่วงฤดูหนาว เขาค้อเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักตากอากาศขึ้นชื่อ ที่นี่เป็นดังบ้านหลังที่ 2 ของใครหลายๆคน 
 
บุรีมันตาที่พักเปิดใหม่แห่งเขาค้อ ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา สายหมอก
 
 
บนเขาค้อมีที่พักให้เลือกพักมากมายในหลากหลายรูปแบบหลากหลายราคา โดยในทริปนี้เราเลือกพักที่“บุรีมันตา”ที่พักเปิดใหม่ ตั้งอยู่บนเขาสูงท่ามกลางแวดล้อมแห่งขุนเขาบรรยากาศดีวิวสวยชนิดที่เปิดวันไหนดินฟ้าอากาศเป็นใจ เพียงเปิดประตูที่พักออกมาก็จะเห็นสายหมอกขาวลอยอ้อยอิ่งทักทายเราในยามเช้า
 
       สำหรับแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจบนเขาค้อนั้นก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบระหว่างรัฐบาลกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) ได้แก่ “อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ”, “อนุสาวรีย์จีนฮ่อ”, “พิพิธภัณฑ์อาวุธ” หรือแหล่งท่องเที่ยวแมนเมด อย่าง “พระตำหนักเขาค้อ”, “พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก” และสถานที่ต้องห้ามพลาด อย่าง“วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” ที่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวในโครงการ “กาลครั้งหนึ่ง...ต้องไป”(Dream Destination 1) อันเลื่องชื่อ 
 
เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต
 
 
 “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” หรือ “วัดพระธาตุผาแก้ว” ตั้งอยู่ที่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ เป็นหนึ่งในความงามผสานพลังแห่งศรัทธาที่ทางวัดสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างงดงามอลังการ
 
       ในบริเวณวัดมีไฮไลท์สำคัญอยู่ 2 ส่วนได้แก่ “เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต" กับรูปทรงดอกบัวซ้อน 7 ชั้น มีจุดเด่นคือการนำเครื่องถ้วยเบญจรงค์และอัญมณีมีค่ามากมายมาประดับประดาดูงดงามวิจิตร 
 
มหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์
 
 
ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์คือ “มหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์” ที่จะใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ และเป็นที่พักของผู้เข้าปฏิบัติธรรม กับสถาปัตยกรรมพระพุทธรูปซ้อนองค์ไล่เรียงจากเล็กไปใหญ่สีขาวเด่นมองเห็นแต่ไกล 
วิวทิวทัศน์เขาค้อยามหน้าฝนเมื่อมองลงมาจาก จุดชมวิว“ตะเคียนโง๊ะ”
 
 
 ในพื้นที่เขาค้อยังมีมนต์เสน่ห์ความงามอันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือวิวทิวทัศน์แห่งขุนเขาในมุมสูงที่มีให้เลือกชมวิว ชมทะเลภูเขา และชมทะเลหมอกยามเช้า กันในหลายจุดด้วยกัน อาทิ จุดชมวิวฐานอิทธิ,จุดชมวิวที่ทำการไปรษณีย์,จุดชมวิวพระตำหนักเขาค้อ,จุดชมวิววัดกองเนียม และจุดชมวิว“ตะเคียนโง๊ะ” ที่สามารถมองเห็นยอด“ภูเขาย่า”ยอดเขาสูงสุดแห่งเขาค้อ(สูง 1,290 เมตรจากระดับน้ำทะเล)ได้อย่างชัดเจน ควบคู่ไปกับวิวทิวทัศน์บริเวณรอบข้างอันสวยงามกว้างไกล 
จุดชมวิวท็อปวิวรีสอร์ทมองเห็นภูเขาย่าตั้งตระหง่านในมุมมองคล้ายภูเขาฟูจิ
 
 
นอกจากนี้เขาค้อยังมีจุดชมวิวอันซีนที่ “ท็อปวิวรีสอร์ท” ที่สามารถมองเห็นภูเขาย่าตั้งตระหง่านโดดเด่นในมุมมองเฉพาะตัวดูคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิที่ญี่ปุ่น จนได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิว“ฟูจิเขาค้อ” ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว 
 
ร้านกาแฟพิโน ลาเต้ ตั้งอยู่ในบริเวณที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงาม
 
 
ขณะที่จุดชมวิวบริเวณร้านกาแฟ“พิโน ลาเต้” (Pino Latte) นั้น ถือเป็นจุดชมวิวน้องใหม่มาแรง ที่เมื่อมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นทัศนียภาพมุมกว้างอันสวยงามแห่งขุนเขา โดยมีจุดไฮไลท์คือภาพของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วตั้งตระหง่านโดดเด่นกลางขุนเขา นับเป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟวิวสุดสวยแห่งเขาค้อ ที่นอกจากจะมีกาแฟ เครื่องดื่ม เค้ก ขนม ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งดื่มกินฟินไปกับบรรยากาศของวิวทิวทัศน์อันสวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีที่พักหรูเป็นทางเลือกให้ผู้สนใจได้เข้าพักกันอีกด้วย 
 
ไร่กะหล่ำแห่งภูทับเบิก
 
 
ภูทับเบิก : ภูสายหมอก ดอกกะหล่ำ 
 
       หลัง“ตะลอนเที่ยว” ปฏิบัติตามสโลแกน “นอนเขาค้อ 1 คืน อายุยืน 1 ปี” เติมพลังให้กับร่างกายแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นเราออกเดินทางไต่ไปบนขุนเขาสูงขึ้นไปอีกสู่“ภูทับเบิก” (บ้านทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า) เพื่อชื่นชมในทัศนียภาพมุมสูงอันน่าตื่นตาตื่นใจของขุนเขาเทือกนี้
 
       ภูทับเบิกมีสภาพพื้นที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีทัศนียภาพอันสวยงามกว้างไกลในรูปแบบทะเลภูเขา บนภูทับเบิกมีอากาศเย็นสภาพตลอดทั้งปี เพราะตั้งอยู่บนพื้นที่ร่องลมเย็นของเทือกเขาหิมาลัย 
 
จุดชมวิวภูทับเบิก มองลงไปเห็นวิวทิวทัศน์กันสวยงามกว้างไกล
 
 
ภูทับเบิกมีจุดชมวิวหลักอยู่ที่"อาคารหอดูดาวและที่วัดอุณหภูมิ" (จุดชมวิวภูทับเบิก) หรือจุดชมวิวปรอทยักษ์ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเมืองมะขามหวาน ตั้งอยู่บนระดับความสูง 1,768 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยมีเทอร์โมมิเตอร์ขนาดใหญ่หรือที่นักท่องเที่ยวนิยมเรียกกันว่าปรอทยักษ์ตั้งตระหง่านเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกับตัวเลขบอกอุณหภูมิ ณ ช่วงเวลานั้นๆ 
 
แปลงดอกลาเวนเดอร์สลับกับซัลเวียข้างวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวภูทับเบิก
 
 
ขณะที่ในเส้นทางเดินขึ้น-ลง จากที่จอดรถไปยังจุดสูงสุดนั้นก็จะมีร้านรวงขายสินค้าที่ระลึก พืชผักผลไม้เมืองหนาว ตั้งเรียงรายอยู่ 2 ข้างทางให้เลือกจับจ่ายใช้สอย พร้อมกันนี้ยังมีมุมแปลงดอกไม้งามอยู่ข้างๆ “วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวภูทับเบิก” ที่มีการปลูกดอก“ลาเวนเดอร์”สีม่วงสลับไปกับดอก“ซัลเวีย”สีแดงสดอยู่ในแปลงเล็กๆ เป็นดังการช่วยขับเน้นให้เห็นถึงความเป็นเมือง“ภูดอกไม้สายหมอก” ของจังหวัดเพชรบูรณ์ที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คัดสรรให้เป็นหนึ่งใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” แคมเปญท่องเที่ยวหลักมาแรงแห่งปี 
ถนนคดโค้งลัดเลาะไปตามขุนเขาใต้เงาม่านหมอกปกคลุมแห่งภูทับเบิก
 
 
 บนภูทับเบิกยังมีจุดชมวิวย่อยตามที่พักหรือตามไร่ของชาวบ้านให้ชื่นชมในความงามของทิวทัศน์แห่งขุนเขาที่โดดเด่นไปด้วยไร่กะหล่ำปลีกว้างใหญ่ไพศาล เป็นดังภูเขากะหล่ำที่เป็นจุดเด่นของภูทับเบิก รวมถึงบรรยากาศของภูแห่งสายหมอกอันเลื่องชื่อของภาคเหนือ ซึ่งในวันที่ฟ้าเป็นใจนอกจากจะมีทะเลหมอกแสนงามลอยฟูฟ่องอ้อยอิ่งให้ชมกันแล้ว ภูทับเบิกยังเป็นอีกหนึ่งแดนหนาวที่มากไปด้วยความโรแมนติกไม่น้อยเลย 
ภูทับเบิกช่วงกรีนซีซั่นจะมีม่านหมอกฝนลอบปกคลุมอยู่เป็นประจำ
 
 
ภูหินร่องกล้า : ธรรมชาติ -ประวัติศาสตร์
 
       จากภูทับเบิกเราเดินทางต่อไปบนถนนสาย 2331 ผ่านเข้าเขตจังหวัดพิษณุโลกสู่“อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติและประวัติศาสตร์ขึ้นชื่อแห่งเมืองสองแคว โดยแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์นั้นเป็นสถานที่ที่เกี่ยวเนื่องกับการสู้รบระหว่างรัฐบาลกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) นำโดย “สำนักอำนาจรัฐ”, “โรงเรียนการเมือง การทหาร” และ “พิพิธภัณฑ์การสู้รบ”
 
       ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติขึ้นชื่อของภูหินร่องกล้า ได้แก่ “ลานหินปุ่ม” ที่เป็นลานหินมีก้อนหินมนๆผุดกระจายเต็มไปทั่วลาน,“ลานหินแตก” ที่เป็นลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก, “ผาชูธง” ผาสูงวิวสวย มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล ซึ่งในอดีต พคท.จะขึ้นไปชูธงแดงทุกครั้งเมื่อรบชนะทหารของรัฐบาล 
ลานหินปุ่มแห่งภูหินร่องกล้า 
 
 
สำหรับในช่วงหน้าฝนเช่นนี้ภูหินร่องกล้ายังชุ่มฉ่ำไปด้วยความงามของสายน้ำจากน้ำตกที่ไหลฟูฟ่อง ไม่ว่าจะเป็น “น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร”, “น้ำตกศรีพัชรินทร์” และ “น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้นที่ในช่วงราวเดือนสิงหาคมจะมีดอกไม้ดิน อย่าง“ดอกลิ้นมังกร” ออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณน้ำตกแห่งนี้ โดยในชั้นที่ 5 จะพบเห็นดอกลิ้นมังกรออกดอกหนาแน่นมากที่สุด 
 
น้ำตกหมันแดง ยามเมื่อลิ้นมังกรออกดอกเบ่งบาน(ภาพ : ททท.)
 
 
 นอกจากนี้ที่ภูหินร่องกล้ายังมี“ดอกเปราะภูขาว” ออกดอกสีขาวนวลแทรกตัวอยู่ตามพื้นดิน ลานหิน โดยดอกเปราะภูขาวจะออกดอกบานสวยงามมากที่สุดในช่วงกลางเดือนมิ.ย.-ก.ค. ซึ่งจะพบมากที่บริเวณลานหินปุ่มและผาชูธง
 
       นับเป็นอีกหนึ่งสีสันความงามยามหน้าฝนแห่งภูหินร่องกล้าที่มีมนต์เสน่ห์แตกต่างจนถูกยกให้เป็น 1 ใน 22 เส้นทางดูดอกไม้ทั่วไทย จากโครงการ “กาลครั้งนั้น..ความฝันผลิบาน” หรือ “Dream Destination 2”จาก ททท. 
 
โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า ในช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ.จะมีทุ่งดอกกระดาษออกดอกสวยงาม
 
 
 ในพื้นที่ภูหินร่องกล้ายังมี “โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ ที่นี่มีแปลงปลูกไม้ดอก ไม้เมืองหนาว หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ สตรอเบอร์รี่ พันธุ์ 80 รสสุดหวานฉ่ำ มีต้นนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกชมพูสะพรั่งในช่วงราวเดือน ธ.ค.-ม.ค.ของทุกฤดูกาล ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ.จะมีทุ่งดอกกระดาษออกดอกสวยงามไปทั่วบริเวณริมผา (ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือ พ.ย.-ม.ค.) 
 
โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า มีหน้าผาหลากหลายให้เลือกชมวิว
 
 
ส่วนอีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้ก็คือบรรดาหน้าผาชมวิวชื่อสุดกิ๊บเก๋ มีทั้ง “ผาไททานิค”, “ผาพบรัก,“ผาบอกรัก”, “ผาคู่รัก”, “ผารักยืนยง” และ“ผาสลัดรัก” ที่เป็นหน้าผาตั้งไล่เรียงไป มีโขดหินให้เดินไปยืนชมทัศนียภาพอันงดงามของขุนเขาผืนป่าใหญ่ ซึ่งเราสามารถมาเที่ยวชมความงามได้ทั้งปีในบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป
ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์ 
คุณ"ตะลอนเที่ยว"                 
สิริสวัสดิ์ภมวารค่ะ
 
 
 
 
 
ขอขอบคุณ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=vinitsiri&month=16-06-2015&group=426&gblog=186
Go to top