ตราด - นายอำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด เผยการพัฒนาเกาะกูดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบไฮเอนด์ ต้องมีสาธารณูปโภคที่พร้อม
แนะส่วนราชการที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวส่งเสริมท่องเที่ยว อ.เกาะกูด แบบองค์รวม ไม่แยกที่เกาะกูด และเกาะหมาก
วันนี้ (5 เม.ย.) นายพีระวัฒน์ วังรัตน์กุล นายอำเภอเกาะกูด จ.ตราด เปิดเผยถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของอำเภอเกาะกูด เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบคุณภาพ ที่มีนักท่องเที่ยวระดับสูงมาเที่ยวนั้นน่าจะเป็นช่องทางที่ดี เนื่องจากตอนนี้ อ.เกาะกูด มี 8 หมู่บ้านใน 2 ตำบล คือ เกาะกูด และเกาะหมาก ซึ่งขณะนี้มีโรงแรม รีสอร์ต ทั้งระดับล่าง และระดับสูงไว้รองรับนักที่องเที่ยวทุกระดับ ห้องพัก มีราคาระดับพันถึงระดับแสนต่อคืน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนห้องพักถึง 1,800 ห้อง ซึ่งจะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้วันละ 3,200 คน ถ้าหากว่ามีนักท่องเที่ยวมากเกินกว่านี้ก็จะไม่มีที่พัก แต่สามารถไปกางเต็นท์นอนได้
ซึ่งแนวนโยบายการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของเกาะกูด มุ่งไปในเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เกาะกูด และเกาะหมาก มีศักยภาพสูง และกำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเกาะกูด และเกาะหมาก เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนมากกว่า 1.5 แสนคน และมีรายได้ต่อปีนับพันล้านบาทในขณะนี้
“แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคก็คือ สาธารณูปโภคที่ยังไม่พร้อม ทั้งถนน น้ำประปา และสะพานท่าเทียบเรือที่ปลอดภัย ซึ่งถนนจะต้องมีการปรับปรุงให้มาตราฐาน และสะดวกในการเดินทาง ส่วนเรื่องน้ำขณะนี้ทาง อบต.เกาะกูด ได้โอนให้การประปาภูมิภาคเข้ามาบริหารงานแล้ว ยังต้องรอการเข้ามาดำเนินการ และเรื่องท่าเทียบเรือที่วันนี้เรือโดยสารไปเกาะกูด ไม่สามารถใช้ได้ เพราะท่าเทียบเรือแห่งเดิมมีความชำรุด ทาง อบต.เกาะกูด ได้สั่งห้ามใช้แล้วเนื่องจะเกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยวได้ ยังต้องรอให้มีการก่อสร้างท่าเทียบเรือใหม่ แม้จะมีโครงการไว้บ้างแล้ว แต่ยังต้องรอในเรื่องงบประมาณอีกครั้ง”
นายพีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้น ทางอำเภอเกาะกูดได้จัดกิจกรรมทางกีฬา เช่น การจัดวิ่ง การจัดปั่นจักรยาน ซึ่งได้ผลดี เพราะได้นักท่องเที่ยวกลุ่มที่ประหยัดค่าใช้จ่าย ในเดือนพฤษภาคมนี้จะจัดกิจกรรมปั่นจักรยานขึ้น และเรื่องการท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ ซึ่งจะได้กลุ่มนักท่องเที่ยวอีกระดับหนึ่งด้วย ส่วนที่เกาะหมาก เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ เพราะเหมาะสมทั้งสถานที่ และความพร้อมที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน อย่างไรก็ตาม ต้องการเห็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบองค์รวม ไม่แยกการส่งเสริมทีละเกาะเหมือนทุกวันนี้
ขอขอบคุณบทความจาก : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9600000034814